เคล็ดลับสำหรับการเลือกใช้งานเลื่อยคันธนูให้เหมาะสมกับหน้างาน

เลื่อยคันธนู เลื่อยสำหรับงานตัดแต่งต้นไม้กิ่งไม้เศษไม้ ต้องแข็งแรงทนทานคุณภาพดี

เครื่องมือช่างชนิดหนึ่งที่ต้องใช้กันเป็นประจำก็คือ เลื่อย นั่นเอง สำหรับใบเลื่อยแล้ว มีให้เลือกใช้มากมายหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ต้องการตัด ซอย หั่น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งงานไม้ งานโลหะ งานพลาสติก ไม่ว่าจะเป็น เลื่อยคันธนู ที่ใช้ตัดตกแต่งต้นไม้ เลื่อยลันดาใช้สำหรับตกแต่งงานไม้แปรรูป เป็นต้น โดยในแต่ละประเภทของเลื่อยก็จะมีวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับหน้างานที่แตกต่างกันด้วย สำหรับบทความนี้จะพาทุกท่านไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเลื่อยคันธนู เพื่อให้ทราบเคล็ดลับสำหรับการเลือกใช้งานเลื่อยคันธนูให้เหมาะกับหน้างาน ข้อควรปฏิบัติเพื่อการใช้งานเลื่อยคันธนู ทำให้การเลื่อยไม้ ตกแต่งไม้นั้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความปลอดภัย และใช้งานใบเลื่อยได้อย่างยาวนาน ติดตามได้จากบทความนี้กันได้เลย

เลื่อยคันธนู (Bow Saw) เป็นเลื่อยชนิดหนึ่งในหลากหลายประเภท สำหรับเครื่องมือช่าง เป็นเลื่อยขนาดกลาง ที่ใช้สำหรับตัด ซอย ตกแต่งไม้ กิ่งไม้ ไม้สด ไม้แห้ง ต้นไม้ขนาดเล็ก หรือตัดต้นไม้ให้เป็นท่อนเพื่อการเคลื่อนย้าย ใบเลื่อยเป็นแถบยาว มีความคมเป็นพิเศษเพราะผลิตจากเหล็กกล้าชุบแข็งส่วนปลายของคม นำปลายเลื่อยไปยึดติดกับคันเลื่อยที่มีลักษณะคล้ายคันธนู 2 ข้างเพื่อใช้งาน ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย แรงดึงใบเลื่อยสูง รักษาแนวคม ไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดงอ มักมีเป็นขนาดมาตรฐานหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ได้แก่ 12 นิ้ว 21 นิ้ว 24 นิ้ว 30 นิ้ว และ 36 นิ้ว ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา

เคล็ดลับสำหรับการเลือกใช้งานเลื่อยคันธนูให้เหมาะสมกับหน้างาน

เลื่อยแต่ละชนิด อาทิ เลื่อยลันตา เลื่อยตัดกิ่งไม้ เลื่อยคันธนู เป็นต้น จะมีวิธีการเลือกใช้งานที่แตกต่างกัน แบ่งแยกย่อยลงไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน ผู้ปฏิบัติงานหรือช่างประจำการ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมในแต่ละประเภท

เคล็ดลับการเลือกใช้เลื่อยคันธนูให้เหมาะกับหน้างาน

• ลักษณะฟันของใบเลื่อยคันธนู
  • ใบเลื่อยคันธนู แบบหน้าเล็กฟันเล็ก เป็นแบบพื้นฐานที่ใช้ทั่วไป มีขนาดตั้งแต่ 12 นิ้ว 21 นิ้ว 24 นิ้ว 30 นิ้ว และ 36 นิ้ว ใบเลื่อยหน้ากว้าง 20 มม. ความหนา 0.7 มม. สีทอง เหมาะกับงานตัดไม้ดิบและไม้แห้ง และการใช้งานทั่วไป
  • ใบเลื่อยคันธนู แบบหน้าเล็กฟันใหญ่ ขนาดตั้งแต่ 12 นิ้ว 21 นิ้ว 24 นิ้ว 30 นิ้ว และ 36 นิ้ว ใบเลื่อยหน้ากว้าง 20 มม. ความหนา 0.7 มม. สีทอง เหมาะกับงานตัดไม้ดิบและไม้แห้ง ทนทานต่อการหนัก ใช้กับงานเลื่อยไม้เนื้อแข็ง มีเปลือก มียาง หนา
  • ใบเลื่อยคันธนู แบบประหยัดฟันเล็ก ขนาดตั้งแต่ 12 นิ้ว 21 นิ้ว 24 นิ้ว 30 นิ้ว และ 36 นิ้ว ใบเลื่อยหน้ากว้าง 20 มม. ความหนา 0.65 มม. สีน้ำเงิน เหมาะกับงานตัดไม้ดิบและไม้แห้ง ไม้เนื้ออ่อน เปลือกบาง ไม่มียางไม้ เลื่อยไม้ได้ละเอียด เรียบเนียน
  • ใบเลื่อยคันธนู แบบหน้าใหญ่ฟันเล็ก ขนาดตั้งแต่ 12 นิ้ว 21 นิ้ว 24 นิ้ว 30 นิ้ว และ 36 นิ้ว ใบเลื่อยหน้ากว้าง 25 มม. ความหนา 0.7 มม. สีทอง เหมาะกับงานตัดไม้ขนาดใหญ่ ใบเลื่อยใหญ่จะช่วยประคองเลื่อยให้ตัดได้ตรง
  • เลื่อยคันธนู แบบหน้าใหญ่ฟันใหญ่ ขนาดตั้งแต่ 12 นิ้ว 21 นิ้ว 24 นิ้ว 30 นิ้ว และ 36 นิ้ว ใบเลื่อยหน้ากว้าง 25 มม. ความหนา 0.7 มม. สีน้ำเงิน เหมาะกับการตัดต้นไม้ใหญ่ เนื้อแข็ง ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก หรือไม้ที่มียาง มีน้ำมัน ต้องใช้กับโครงเลื่อย คันเลื่อยที่มีแรงดึงสูง ลดการบิดและเด้งของใบเลื่อย เลื่อยคันธนูแบบนี้มักใช้เป็นเลื่อยตัดฟืน เลื่อยโค่นต้นไม้ ผิวไม่เรียบ ขนาดหน้ากว้างที่ใหญ่จะช่วยประคองเลื่อยให้ตัดได้ตรง
• รูปแบบก้านจับล็อกใบเลื่อยคันธนูต้องสะดวกในการใช้งาน แข็งแรง ทนทานต่อการเสียดสี เป็นส่วนที่จับยึดใบเลื่อยคันธนูกับโครงเลื่อย ซึ่งจะรับแรงดึงจากโครงเลื่อย คันเลื่อย และแรงบิดจากใบเลื่อย ส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งาน อาจเกิดการบิดงอ เลื่อนหลุดได้
  • ก้านจับใบเลื่อยคันธนูแบบล็อก ลักษณะจะเป็นแผ่นโลหะปั๊ม วางประกอบล็อกกับก้านจับ ลักษณะนี้จะทำให้เปลี่ยนใบเลื่อยสะดวก ไม่ต้องเตรียมเครื่องมือใด ๆ แต่รับแรงบิดงอได้น้อย
  • ก้านจับใบเลื่อยคันธนูแบบสกรู ลักษณะเป็นสลักยึดใบเลื่อย ถือเป็นแบบที่มีความเที่ยงตรงสูง แต่ขันสกรูได้ยากต้องมีเครื่องมือประกอบ

• • ขนาดโครงเลื่อยคันธนูต้องเหมาะสมกับใบเลื่อย ซึ่งโดยปกติผู้ผลิตจะออกแบบโครงเลื่อยคันธนูกับใบเลื่อยให้มีความพอดีกันในแต่ละรุ่นแต่ละขนาด ซึ่งในสภาวะปกติ โครงเลื่อยต้องสามารถรองรับใบเลื่อยได้พอดีกัน สะดวกต่อการใช้งาน โครงเลื่อยคันธนูต้องแข็งแรง มีความหนาที่พอเหมาะ สามารถรับแรงดึงใบเลื่อยได้ดี เพื่อช่วยให้ใบเลื่อยยึดติดได้อย่างแน่นหนา ไม่หลุดจากร่อง